ตอนนี้ประกาศผล 6 ทีมที่เข้ารอบสุดท้ายแล้ว ซึ่งทุกทีมที่เข้ารอบได้เลือก Mentor ที่จะช่วยให้คำปรึกษาประจำทุกทีมตลอดระยะเวลา 4 เดือนของโครงการ ซึ่งทีมที่ผ่านการคัดเลือกจะได้รับเงินทุนทีมละ 5 แสนบาท ถึง 1.5 ล้านบาท พร้อมรับเงินสนับสนุนในเชิงพาณิชย์ ต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มเข้า Boot Camp วันแรก คอร์สอบรม intensive boot camp เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม – ตุลาคม 2558 และนำเสนอผลงานรอบสุดท้ายประกาศผลในวัน Demo day ในเดือนตุลาคมนี้
มาทำความรู้จัก Mentor แต่ละท่านกัน
1. ทิวา ยอร์ค, ประธานกรรมการบริหาร, เว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ kaidee.com
เป็นเวบไซต์ซื้อขายของมือสองที่มีการเคลื่อนไหวและใช้งานง่ายที่สุดของประเทศไทย เป้าหมายคือการพัฒนาความเป็นอยู่ของคนไทย โดยเป็นช่องทางในการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้ามือสอง เพื่อผลประโยชน์ที่สูงสุดของทุกฝ่าย
2. สมหวัง เหลืองไพบูลย์ศรี ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เพย์สบาย
สมหวัง มีประสบการณ์มากมายในธุรกิจบริการธุรกรรมออนไลน์และอีคอมเมิรซ์ เขาเป็นคนที่มุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์และมีความเป็นผู้นำพร้อมกับทัศนคติในการทำงานร่วมกันเป็นทีม
3. ธนวัฒน์ มาลาบุปผา ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง เว็บไซต์ priceza.com
เวบไซต์เปรียบเทียบราคาสินค้าชั้นนำของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีผู้ใช้บริการในประเทศไทยและอินโดนีเซียมากกว่า 5.5 ล้านรายต่อเดือน
4. ยอด ชินสุภัคกุล ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง เว็บไซต์ wongnai.com
Wongnai คือแอปพลิเคชันรีวิวร้านอาหารอันดับ 1 ของไทย ด้วยยอดสมาชิกกว่า 1.7 ล้านคน สามารถค้นหาร้านอาหาร ติดตามว่าเพื่อนไปทานอาหารที่ไหน อัพโหลดรูปอาหารจานโปรด และเขียนรีวิวร้านอาหารที่เพิ่งรับประทานเสร็จ โดยสามารถระบุตำแหน่งของผู้ใช้ผ่าน GPS และแนะนำร้านอาหารในระแวกนั้นให้กับผู้ใช้ได้ทันที
5. วิชานน์ มานะวาณิชเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง เว็บไซต์และแอปพลิเคชัน Taamkru
Taamkru ถูกสร้างขึ้นช่วยเพิ่มความสนุกให้การเรียนของเด็กวัยก่อนเข้าเรียน และวัดความพร้อมของเด็กให้กับผู้ปกครอง และเก็บผลคะแนนของเด็กเพื่อเป็นสถิติของเด็กเองและเทียบกับเด็กอื่น โดยรวบรวมคำถามมากกว่า 800,000 คำถามในฐานข้อมูลที่มากที่สุดในเอเชีย
นอกจากนี้ โครงการ dtac Accelerate batch #3 มี Mentor ระดับโลกมาให้คำแนะนำดีๆกับผู้เข้ารอบ ผมขอสรุปใจความสำคัญของแต่ละท่านมาฝากดังนี้
1. Nir Eyal มีประสบการณ์มากมายในวงการวิจัยและให้คำปรึกษา รวมถึงประสบการณ์ในการเขียนหนังสือการสร้างผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่นิยม เขาบอกว่า โปรดักส์ที่จะประสบความสำเร็จต้องสามารถดึงดูดความสนใจนักลงทุน ประกอบด้วย มีศักยภาพในการเติบโต สร้างความผูกพันระหว่างผลิตภัณฑ์กับผู้ใช้ และทำเงินได้จากฐานลูกค้าที่มี นอกจากนี้ต้องเข้าใจและเข้าถึงพฤติกรรมผู้บริโภคให้ได้
2. Bill Reichert เป็น Managing partner ของ Garage Technology Venture กับ Guy Kawasaki ที่อเมริกา เป็นกูรูระดับโลกในวงการสตาร์ทอัพ จาก Silicon Valley และลงทุนไปมากกว่าร้อยบริษัททั่วโลก ซึ่ง Bill มองว่าปัจจัยที่ทำให้สตาร์ทอัพ ประสบความสำเร็จ จะต้องเป็นบริษัทที่คิดจะเติบโตไปได้ในระดับโลกตั้งแต่แรก คิดแก้ปัญหาในระดับโลกให้กับคนทั่วโลก การคิดจะทำแค่ในระดับท้องถิ่นจะทำให้เติบโตได้ช้า และเรื่องภาษาอังกฤษเป็นสิ่งสำคัญในการสื่อสารกับนักลงทุน หากไม่มีทักษะก็อาจเป็นอุปสรรคที่จะทำให้เจรจาไม่ประสบความสำเร็จ และสิ่งที่ดึงดูดนักลงทุนคือเทคโนโลยีนั้นป้องกันการ copy หรือลอกเลียนแบบได้
3. Jon Yongfook Cockle ผู้ก่อตั้ง Beatrix ซึ่งเป็นผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ธุรกิจ (SaaS) ด้าน Social Media Content Marketing และผู้แต่ง Growth Hacking ซึ่งเป็นการทำมาร์เก็ตติ้งที่เน้นการใช้ต้นทุนที่ต่ำ โดยลงลึกในเรื่องของการใช้ Technology แล้วนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เขามองว่า ระหว่าง Product กับ Marketing สิ่งสำคัญที่สุดคือ Product ที่ต้องช่วยแก้ปัญหาให้ลูกค้าได้ ถึงแม้ว่าจะทำ Marketing ได้ดีแต่ตัว Product เองไม่สร้างความประทับใจให้กับลูกค้า ก็จะไม่ประสบความสำเร็จ และต้องมีการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
ถ้ามีข้อมูลข่าวสารของโครงการนี้เพิ่มเติม จะนำมา Update ให้ทราบกันต่อไป
